ผู้เขียน https://longzanam.com
คีย์เวิร์ด ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ฟุตบอลต่างประเทศ, ข่าววันนี้, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า, เชลซี, คล็อปป์, ฮานซี ฟลิค, เป๊บ กวาร์ดิโอลา
เทรนฟุตบอล ตามยุคสมัย ที่พายอดทีมไปสู่แชมป์เจ้ายุโรป แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรป หรือในชื่อเดิมว่า ยูโรเปียนส์คัพ ถูกริเริ่มให้มีการแข่งขันขึ้นตั้งแต่ปี 1956 ซึ่งในสมัยนั้นการแข่งขันจะนําแชมป์ลีกของแต่ละชาติมาแข่งขันกันแบบมินิทัวร์นาเมนต์ อีกทั้งรูปแบบ การเล่นและแท็กติก ก็ไม่มีความซับซ้อนไม่มีระบบที่แน่นอน เพียงแต่ใช้วิธีการยืนคุมโซน ซึ่งตัวอย่างจาก ฟุตบอลอังกฤษ ก็ใช้วิธีห้อยหลัง 2 ตัว แดนกลาง 8 ตัว หน้าเป้า 2 ตัว ส่วนแท็กติกก็ไม่ซับซ้อน เมื่อได้บอลก็ โยนให้กองหน้าตัวเป้าเป็นพอ จนอาจกล่าวได้ว่าฟุตบอลในอดีตจะเน้นทักษะความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น เป็นสําคัญ นั่นจึงทําให้เมื่อใดที่แชมป์ยูโรเปียนส์คัพต้องไปชิงแชมป์สโมสรโลก มักจะแพ้ยอดทีมจากบราซิล เพราะในสมัยก่อนยังไม่มีโควต้านอกยุโรปเหมือนสมัยนี้ ทําให้ยอดนักเตะระดับพระกาฬของบราซิลต้องสังกัด กับสโมสรในประเทศของตน
จวบจนเวลาผ่านไป โลกมีวิวัฒนาการขึ้นทุกด้าน วงการฟุตบอลก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เริ่มมีการสร้าง หลักสูตรอบรมวิชาชีพโค้ช เพื่อเน้นย้ำกับระบบการเล่นและแท็กติกมาขึ้น เป็นการยกระดับมาตรฐานการ แข่งขันให้มากยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็มีการเปิดโควต้านักเตะนอกยุโรป ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ดาวดังจากทวีปอื่น ๆ จึงหลั่งไหลเข้ามาค้าแข้งกับยอดทีมในยุโรป และนั่นจึงทําให้การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ สโมสรยุโรป หรือในชื่อใหม่ว่า ยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่รวบรวมยอดทีมและดาวเตะระดับพระกาฬของโลก ภายใต้การควบคุมของผู้จัดการทีมที่นําเทคนิคใหม่ๆเข้ามาใช้ในเกมการแข่งขัน
อยากจะเป็นยอดทีมในช่วงยุคคาบเกี่ยวปี 2000 ต้องเล่นด้วยความรัดกุมและเขี้ยวรากดิน
ในยุคคาบเกี่ยวระหว่างปี 2000 ฟุตบอลที่เน้นทักษะมาตลอด เริ่มถูกผสมด้วยแท็กติกที่เน้นการเล่นรัดกุมด้วยวางแนวรับให้มาก แบบไม่อนุญาตให้แนวรุกฝ่ายตรงข้ามผ่านไปได้ ครองบอลเหนียวแน่นแล้วหา จังหวะโจมตีด้วยแนวรุกเพียง 3-4 คน เมื่อขึ้นนําจะแพ็กเกมรับให้แน่นที่สุดเพื่อรอโต้กลับหรือปิดเกมเพื่อเน้น ผลการแข่งขัน โดยจะมีลักษณะผังการเล่นคือ กองหลังสี่ตัว มีกองกลางตัวรับยืนหน้ากองหลัง มีหน้าต่ำที่คอย สวิตช์บอลจากซ้ายไปขวา จากหลังมาหน้า พร้อมทั้งต้องมีจุดเด่นในการยิงไกลและการจ่ายบอลให้กองหน้าทํา ประตู
ซึ่งในยุคนั้น ยอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด ได้ทุ่มเงินคว้าสตาร์จากทั่วทุกมุมโลกมากองรวมกันที่เบอร์นา บิว เสมือนทีมแห่งสหประชาชาติ พร้อมทั้งนําระบบฟุตบอลใหม่ ในผัง 4-1-3-2, 4-2-3-1 มาริเริ่มใช้แทนระบบ 4-4-2 ซึ่งระบบวิธีการเล่นเช่นนี้เอง ทําให้ยอดทีมจากเมืองหลวงของสเปน ทะลุไปถึงการเป็นแชมป์เจ้ายุโรปถึง 3 สมัย ในช่วง 5 ปี ได้แก่ 1998 2000 และ 2002 แต่ในขณะเดียวยอดทีมร่วมยุคอย่าง ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน ก็มีสไตล์การเล่นที่คล้ายกัน ทําให้ยอดทีมจากลีกอิตาลีสามารถเข้ารอบลึกๆ ในการแข่งขัน UCL ทุกแรมปี หรือที่ตกตะลึงมากที่สุดในโลกมนุษย์ คือทีมนอกสายตาอย่าง ปอร์โต้ ที่ห่างหายจากแชมป์รายการนี้ มานานถึงสองทศวรรษครึ่ง ก็สามารถคว้าแชมป์ UCL ได้ ด้วยการเล่นระบบ 4-3-1-2 ในแบบที่ว่าแนวรับต้อง เขี้ยวรากดินด้วยการไม่อนุญาตให้แนวรุกฝ่ายตรงข้ามพาบอลเข้ามาในเขตโทษ ส่วนเกมรุกมีตัวบุก 3 ตัว ที่ต้อง เร็วและจบสกอร์เฉียบคม ซึ่งการคว้าแชมป์ UCL แบบตกตะลึงของปอร์โต้ ได้สร้างชื่อเสียงให้กุนซือหนุ่มอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกลูกหนังในเวลาต่อมา
ฟุตบอล ตีกี้ ตาก้า นิวเคลียร์แห่งโลกลูกหนัง
ภายหลังจากที่บาร์เซโลน่าแต่งตั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมทีมในปี 2007 กุนซือวัยหนุ่มผู้นี้ได้ทําการ รังสรรค์รูปแบบเล่นขึ้นมาที่มีชื่อว่า ตีกี้ ตาก้า ภายใต้ระบบผัง 4-3-3 ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ การดันผู้เล่น ทุกคนเข้าไปอยู่ในแดนคู่แข่ง พร้อมการครองบอลเหนียวแน่น ถ่ายบอลไปมาอย่างรวดเร็ว ใช้ทักษะของผู้เล่น ในแนวรุกเพื่อดึงตัวประกบและจ่ายไปยังที่ว่างเพื่อทําประตู มีการสลับตําแหน่งไปมา ไม่มีการยืนตําแหน่ง ตายตัว ซึ่งการเล่นเช่นนี้ทําให้ บาร์เซโลน่า ถูกขนานนามว่า “ทีมมนุษย์ต่างดาว” เพราะไม่ว่าจะเจอทีมเล็กหรือใหญ่ ในฟุตบอลลีก หรือ ฟุตบอลถ้วยสโมสรยุโรป พวกเขาก็ไล่ถล่มคู่แข่งอยู่เสมอ ทีมอย่าง เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค ที่เป็นทีมยักษ์ใหญ่แห่งถ้วยยุโป ต่างโดน บาร์ซ่า ถลุงยับกระทั่งเป็นเรื่องปกติในเวลานั้น จนสามารถกล่าว ได้ว่าชื่อเสียงแห่งความโหดเหี้ยมของ บาร์ซ่า ทําให้ไม่มีใครอยากพบกับพวกเขา หากจับสลากพบกับ “ทีมมนุษย์ต่างดาว” เมื่อใด คู่แข่งย่อมต้องทําใจล่วงหน้าไว้ก่อนว่าโอกาสจะผ่าน บาร์ซ่า ไปได้ค่อนข้างเลือนลาง โดยการ คุมทีมของ เป๊ป กับ บาร์ซ่า 5 ปี ฟาดแชมป์ UCL ไป 2 สมัย ซึ่ง 2 ครั้งที่ได้แชมป์นั้น รอบชิงได้วนมาพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่ได้ชื่อว่ามีผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่งอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมอยู่ แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้แม้จะปรับระบบให้รัดกุมแค่ไหนก็ตาม
ฟุตบอลสไตล์ ตีกี้ ตาก้า จึงกลายเป็นความอันตรายของคู่แข่งในโลกของฟุตบอลเมื่อราว 10 ปีก่อน ซึ่ง บาร์ซ่า เป็นทีมเดียวที่มีการเล่นชัดเจนที่สุด แม้หลายทีมจะพยายามนําไปหลอกเลียนแบบแต่ก็ไม่เนียนตาเท่า ต้นตําหรับ ถึงอย่างไรก็ตาม ฟุตบอลตีกี้ ตาก้า ก็ถูกทําลายลงด้วยน้ํามือของเชลซี ใน UCL ปี 2012 โดยที่ บาร์ซ่า เล่นตามสไตล์ของตนเอง ขณะที่ เชลซี ใช้ผู้เล่นทั้งทีมยืนอัดในกรอบเขตโทษ ทําให้ทีมมนุษย์ต่างดาว ได้แต่ ถ่ายบอลขวางสนาม ไม่สามารถต่อบอลเข้าไปในแดนสุดท้ายได้เลย จากนั้นเมื่อ บาร์ซ่า เสียบอล เชลซี ก็ใช้ วิธีการโยนยาวที่แม่นยําไปยังบริเวณที่แนวรับบาร์ซ่าเติมขึ้นมา แล้วใช้ความเร็ววิ่งฉีกหนีกองหลังบาร์ซ่า ทําให้ กลายเป็นเกมที่พลิกล็อคมากที่สุดคู่หนึ่งและส่งให้เชลซีคว้าแชมป์ จนทําให้กล่าวขานได้ว่าฟุตบอล ตีกี้ ตาก้า ได้ สร้างปรากฎการณ์ให้กับโลกลูกหนังเสมือนนิวเคลียร์ที่ใครได้โดนก็ต่างต้องศิโรราบ ก่อนจะถูกตีตกไปด้วยแท็ก ติกการเล่นเกมรับด้วยกองหลังซ้อนสองชั้นในเวลาอันรวดเร็ว